จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด

การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด
         ต้องมีคณะกรรมการควบคุมการดำเนินงาน  ปรับปรุง  พัฒนา  มีคณะทำงานฝ่ายบริการสารสนเทศ
1. จัดทำคู่มือ
2. กำหนดมาตรฐานร่วมกัน
3. กำหนดรูปแบบการดำเนินงานการประสานงาน
         ห้องสมุดที่ให้บริการเป็นผู้กำหนดนโยบายพิเศษ  และวิธีการยืมระหว่างห้องสมุดเอง  ต้องมีการจัดทำ Union Catalog ร่วมกันจึงจะสามารถร่วมมือกันในการให้บริการยืมระหว่างห้องสมุดได้
- กำหนดรายละเอียดระบบในการยืมระหว่างห้องสมุดออกมา 
- สำรวจด้านสิทธิในการให้บริการยืมฉบับจริง ว่าสามารถให้ยืมได้หรือไม่
- ปรับปรุงรายชื่อคณะทำงาน E-mail และ MSN  ให้ทันสมัย  เพื่อให้ง่ายและสามารถติดต่อกับห้องสมุดได้เร็ว
- การพัฒนางานเพื่อความร่วมมือระหว่างห้องสมุด  ต้องพัฒนางานในห้องสมุดให้ทันสมัย  มีการอัพเดตข้อมูลของห้องสมุดอยู่ตลอดเวลา
การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด

1. การดำเนินงานด้วยระบบมือ (Non-automated ILL)  เช่น โทรศัพท์ , การใช้อีเมล์ , การใช้แบบฟอร์ม
2. การดำเนินงานในระบบอัตโนมัติ (Automated ILL)  การทำรายการผ่านระบบออนไลน์ผ่านระบบเครือข่าย  แก้ไขปัญหาการยืมคืน  สามารถเลือกได้ว่าสถาบันใดใกล้  รวดเร็ว  และสะดวกสบายที่สุด  มักจะทำแหล่งอื่นๆเสริมให้เข้าถึงได้ด้วย
การคิดค่าบริการ
- การคิดค่าบริการจากผู้ใช้  ทั้งนี้อย่างน้อยเพื่อให้มั่นใจว่า  ผู้ใช้จะมารับรายการที่ยืมไว้แน่นอน  และผู้ใช้มั่นใจว่าสถาบันจะต้องดำเนินการให้อย่างแน่นอน
- ปกติจะมีการคิดค่าบริการพิเศษอยู่แล้ว  เช่น ค่าใช้บริการค้นข้อมูลออนไลน์  ค่าค้นฐานข้อมูล  ค่าไปรษณีย์การจัดส่ง  (ห้องสมุดต้องคิดค่าบริการกำหนดให้เป็นมาตรฐาน)
- สถาบันชดเชยให้ในกรณีเกิดการสูญหาย
การจัดส่งเอกสาร
- ไปรษณีย์
- บริการส่งพัสดุ
- บริการรับส่งเอกสาร
- จัดส่งทางโทรสาร
- ส่งทางอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ควรคำนึงถึงจริยธรรมและความถูกต้องทางกฎหมายด้วย
การบรรจุหีบห่อ
         การบรรจุหีบห่อทรัพยากรสารสนเทศที่ถูกยืมต้องทำด้วยความระมัดระวัง  เนื่องจากอาจเกิดความเสียหายได้ในขณะการเดินทางในการจัดส่ง
ข้อควรคำนึง
         พยายามดูแลรักษาวัสดุที่ยืมให้มีสภาพที่ดี  โดยเฉพาะการหีบห่อ  และการเลือกบริการผู้ส่ง  บางทรัพยากรอาจต้องมีการกำหนดไม่ให้ยืม  เน่องจากระยะเวลาในการส่ง  รวมทั้งมีราคาและคุณค่าสูง
การดำเนินการเมื่อได้รับเอกสาร

• แจ้งผู้ขอทันที
• จัดการให้มีการส่งคืนตามกำหนด
• บทความที่ให้บริการเป็นของผู้ขอใช้
ข้อคำนึงด้านจริยธรรมและกฎหมาย
- การยืมระหว่างสถาบันเกี่ยวข้องกับกฎหมายลิขสิทธ์เป็นอย่างมาก  เนื่องจากต้องมีการทำสำเนาบทความจากหนังสือ  วารสาร  วัสดุย่อส่วนจากคอมพิวเตอร์  ซึ่งการคัดลอก หรือทำสำเนางานของผู้อื่น แม้ในบางเรื่องจะไม่ผิดกฎหมายแต่ต้องคำนึงถึงจริยธรรมในการคัดลอกงานของผู้อื่นด้ว
ควรขออนุญาตเจ้าของผลงานก่อนเพื่อเป็นการให้เกียรติ และป้องกันการละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ควรแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับสิทธิในการทำสำเนา โดยอาจติดไว้ที่เคาน์เตอร์ยืมคืน หรือ ที่บริการยืมระหว่างสถาบัน
กฎหมายลิขสิทธิ์

กฎหมายลิขสิทธิ์ไทย เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้เมื่อ พ.ศ.2537 กำหนดงานที่ได้รับความคุ้มครอง อันได้แก่ งานสร้างสรรค์ประเภท วรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนต์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ ของผู้สร้างสรรค์ ไม่ว่างานดังกล่าวจะแสดงออกโดยวิธีหรือรูปแบบอย่างใด  สิ่งที่ไม่ใช่งานลิขสิทธิ์  เช่  
- ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานใน แผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
   รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
  -  ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของหน่วยงาน
  -  คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
  -  คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือ 
งานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น 


ขอบเขตคุ้มครองงาน
  • ทำซ้ำหรือดัดแปลง
  • เผยแพร่ต่อสาธารณชน
  • ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง
  • ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น
  • อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไขดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้
การละเมิดลิขสิทธิ์
กฎหมายลิขสิทธิ์กำหนดพฤติกรรมใดว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์งานของผู้อื่นไว้ชัดเจน ได้แก่ การทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่งานต่อสาธารณชน ซึ่งงานลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต ส่วนงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นได้เพิ่มการกระทำละเมิดอีกอย่างหนึ่งไว้ คือ การให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางาน หากผู้ใดกระทำการดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องรับโทษอาญาและจ่ายค่าเสียหายแก่เจ้าของงานด้วย หากผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำการต่อไปนี้แก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย ได้แก่
  • ขาย  มีไว้เพื่อขาย  เสนอขาย  ให้เช่า  เสนอให้เช่า  ให้เช่าซื้อ หรือเสนอให้เช่าซื้อ
  • เผยแพร่ต่อสาธารณชน
  • แจกจ่ายในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์
  • นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร
          การละเมิดนำงานลิขสิทธิ์ไปหากำไรโดยรู้หรือมีเหตุควรรู้ได้ จะใช้ลงโทษ เจ้าของร้านค้า ผู้จัดการ ลูกจ้างที่รู้ชัดหรือมีเหตุควรรู้ว่า กำลังขาย เผยแพร่ นำเข้า งานอันมีลิขสิทธิ์ ดังนั้น ร้านค้าใดขายแผ่นซีดีเพลงหรือภาพยนตร์ หนังสือ ซึ่งละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้ที่ต้องรับโทษในคดีประเภทนี้ คือ เจ้าของร้าน ผู้จัดการ ลูกจ้างขายของ ซึ่งต้องรู้หรือควรรู้ว่ากำลังจำหน่ายงานละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย พวกเขาจึงรับโทษอาญาหรือจ่ายค่าเสียหายแก่เจ้าของงาน กรณีสำนักพิมพ์ผลิตหนังสือที่ละเมิดลิขสิทธิ์งานของผู้อื่น นอกจากนักเขียนที่ลอกหรือดัดแปลงงานนั้นต้องรับโทษอาญาแล้ว หากสำนักพิมพ์ทราบว่าผลิตงานโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของงานก่อน แล้วยังออกจำหน่ายอีก จะต้องรับโทษร่วมกับนักลอกด้วยซึ่งการทำเพื่อเห็นแก่การค้าหากำไร ผู้กระทำจะรับโทษจำคุกสูงขึ้นและปรับมากขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้น การผลิตงานเผยแพร่จึงต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อมีการแจ้งเตือนให้พิจารณาว่าละเมิดงานลิขสิทธิ์ ต้องรีบตรวจสอบทันทีและงดเผยแพร่งานเพื่อมิให้ต้องรับโทษอาญาร่วมกับนักคัดลอกด้วย แต่สำนักพิมพ์มิได้เสียสิทธิในการเรียกค่าเสียหายจากนักคัดลอกที่สร้างความเสียหายแก่องค์กรของตน หากมีการเรียกร้องค่าเสียหายจากนักคัดลอกเหล่านั้นจะเป็นการปรามนักคัดลอกรุ่นต่อไปมิให้ยึดเป็นเยี่ยงอย่างด้วยและลดความเสียหายของตนลงได้



โทษการละเมิดลิขสิทธิ์
กฎหมายคุ้มครองงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์ แล้วกำหนดโทษหนักแก่ผู้ทำละเมิดไว้ชัดเจน การละเมิดต่องานของผู้สร้างสรรค์ทั้งทำซ้ำ ดัดแปลงงาน เผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับความยินยอมตามกฎหมาย ต้องมีโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หากพฤติกรรมทำละเมิดดังกล่าวเพื่อการค้า ผู้กระทำจะมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตัวอย่างเช่น นักลอกนำนิยายของนักเขียนอื่นมาดัดแปลงแล้วอ้างเป็นงานของตนเพื่อจัดพิมพ์เป็นเล่มขายในท้องตลาด จักเห็นว่านักลอกจงใจทำละเมิดงานอันมีลิขสิทธิ์เพื่อเจตนาทางการค้า คือ พิมพ์งานเป็นเล่มออกขายในตลาด เป็นต้น หากสำนักพิมพ์นำงานอันมีลิขสิทธิ์ที่ถูกละเมิดโดยนักลอกดังกล่าวไปจำหน่ายทั้งที่รู้ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น จักต้องรับโทษจำคุกสามเดือนถึงสองปี หรือโทษปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับด้วย ผู้ทำละเมิดลิขสิทธิ์ต้องรับโทษอาญาแล้ว ผู้นำงานอันละเมิดดังกล่าวไปหาประโยชน์ทางการค้าจักรับโทษอาญาในส่วนความผิดของตนอีกด้วย ถ้าเคยโดนลงโทษฐานความผิดละเมิดลิขสิทธิ์มาแล้ว ยังกระทำความผิดเดียวกันนี้อีกภายในห้าปี เขาจะถูกลงโทษหนักเป็นสองเท่าของโทษที่พิจารณาคดีในเวลานั้นฐานไม่เข็ดหลาบอีกด้วย การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเรื่องต้องห้ามและควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง เพราะต้องรับโทษอาญา รับความอับอายต่อสาธารณชนในการประจานตัวเอง ต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนสูงซึ่งอาจมากกว่ารายได้ซึ่งเคยรับเงินไว้ก็ได้ นักลอกและสำนักพิมพ์ต้องเสียชื่อเสียงซึ่งมิอาจประเมินค่าเป็นเงิน โดยเฉพาะขาดความเชื่อถือต่ออนาคตของการทำงานหรือสถานะทางสังคมไป ดังนั้น การสร้างสรรค์งานใหม่ด้วยฝีมือของตัวเอง นอกจากเป็นความภูมิใจส่วนตัวแล้ว ยังสร้างรายได้ เกียรติภูมิ ให้ตนเองและครอบครัว มากกว่าการเป็นนักคัดลอกดัดแปลงแอบอ้างอย่างแน่นอน
เวลาคุ้มครองงาน

กฎหมายคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ของผู้สร้างสรรค์งานโดยมีบทลงโทษเข้มงวดแล้ว ยังกำหนดระยะเวลาไว้ด้วย โดยให้คุ้มครองตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และมีอยู่ต่อไปอีกห้าสิบปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย ซึ่งทายาทของผู้สร้างสรรค์จักหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์นี้ได้ในช่วงนั้น เมื่อพ้นห้าสิบปีแล้ว งานชิ้นนี้จะตกเป็นสมบัติของแผ่นดินซึ่งรัฐจะเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งดูแลมิให้เกิดการดัดแปลงงานดังกล่าวไปเกินขอบเขตอันควรหรือเป็นการทำลายงานชิ้นนั้น คนไทยสามารถนำไปตีพิมพ์ เผยแพร่งานต่อสาธารณชนได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แก่ทายาทผู้สร้างสรรค์อีกต่อไปอันถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ตัวอย่างเช่น นายนพเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง กฎหมายจะคุ้มครองนายนพในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์นิยายเรื่องดังกล่าวตลอดอายุของเขา ห้ามผู้ใดทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายนพก่อน หลังจากนายนพตายแล้ว ทายาทของเขาเป็นผู้รับมรดกนิยายเรื่องนี้ต่อไปอีกห้าสิบปีในการหาประโยชน์หรือดูแลมิให้เกิดการละเมิดงานชิ้นนี้ หากพ้นห้าสิบปีไปแล้วงานชิ้นนี้จะไปอยู่ในความดูแลของรัฐในฐานะสมบัติของแผ่นดินซึ่งคนไทยสามารถนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ซ้ำได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์หรือจ่ายด้วยอัตราน้อยซึ่งแล้วแต่กติกาของรัฐ ณ เวลานั้น เป็นต้น
การใช้ที่เป็นธรรม  
Fair Use

หลักเกณฑ์การพิจารณาการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ได้บัญญัติเรื่องข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ไว้ในมาตรา32 โดยกำหนดให้การใช้งานลิขสิทธิ์ในบางลักษณะสามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เพราะถือว่าเป็นการใช้ที่เป็นธรรม เช่น การใช้งานในการเรียนการสอน การเสนอรายงานข่าว หรือการใช้งานโดยบรรณารักษ์ห้องสมุด เป็นต้น
แต่การใช้งานลิขสิทธิ์ดังกล่าวตามที่พระราชบัญญัติกำหนดไว้จะต้องอยู่ภายใต้หลักการสำคัญ 2 ประการ ประกอบกันคือ
1) ต้องไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และ 2) ต้องไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร
ยกตัวอย่างเช่น ในการรายงานข่าวภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆาตกรรมและการสืบหาตัวคนร้าย ได้มีการเปิดเผยว่าคนร้ายคือใครซึ่งถือว่าเป็นสาระสำคัญของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว การรายงานข่าวเช่นนี้แม้ไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่อาจถือว่าเป็นการกระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร เพราะอาจทำให้คนที่ทราบเรื่องแล้วไม่ต้องการไปชมภาพยนตร์เรื่องนั้นอีกเพราะทราบตอนสำคัญของเรื่องแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงไม่ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ของข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา32 วรรคแรก ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาว่าการกระทำใดๆ แก่งานอันมีลิขสิทธิ์จะเป็นการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรมหรือเข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมายหรือไม่ อาจพิจารณาได้จากหลักเกณฑ์ 4 ประการ ดังนี้
(1) วัตถุประสงค์และลักษณะของการใช้งานลิขสิทธิ์
1.1 การใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นจะต้องไม่มีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้าหรือหากำไร โดยปกติการใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นเพื่อการค้าหรือหากำไร ผู้ใช้จะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์ ตัวอย่างการใช้งานลิขสิทธิ์เพื่อการค้าหรือหากำไร เช่น การนำเพลงของบุคคลอื่นไปทำเทปเพลงเพื่อขายแก่บุคคลทั่วไป เป็นการกระทำเพื่อการค้า หรืออาจารย์ผู้สอนถ่ายสำเนาตำราเรียนบางตอน เพื่อขายนักศึกษาในชั้นเรียนในราคาเกินกว่าต้นทุนค่าถ่ายเอกสาร เป็นการกระทำเพื่อหากำไร เป็นต้น เช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม
อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาว่าการใช้เป็นการกระทำเพื่อหากำไรหรือไม่ จะพิจารณาจากการใช้เกณฑ์ ไม่ใช่พิจารณาจากตัวผู้ใช้ เช่น สถาบันการศึกษาเอกชนที่นำตำราเรียนบางส่วนที่มีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นมาจำหน่ายในสถาบันฯ เช่นนี้ แม้ว่าสถาบันจะเป็นโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไรในการดำเนินการสถาบัน แต่ไม่ได้จำหน่ายสำเนาตำราเรียนเกินราคาถ่ายหรือจัดทำเอกสาร ก็ถือว่าเป็นการใช้โดยไม่แสวงหากำไร จึงเป็นการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม เป็นต้น
1.2 การใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นจะต้องไม่มีเจตนาทุจริต เช่น การนำงานลิขสิทธิ์มาใช้โดยไม่อ้างอิงถึงที่มา หรือใช้ในลักษณะที่ทำให้คนเข้าใจว่าเป็นงานของผู้ใช้งานลิขสิทธิ์นั้นเอง เป็นต้น
1.3 หากการใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคม โดยเป็นการนำงานลิขสิทธิ์มาใช้โดยปรับเปลี่ยน (Transform) ให้ต่างไปจากงานลิขสิทธิ์เดิมหรือมีการเพิ่มเติมสิ่งใหม่เข้าไป ก็อาจเป็นการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม เช่น การคัดลอกอ้างอิง(Quote) งานลิขสิทธิ์คนอื่นเพื่อใช้ในการอธิบายความคิดเห็นของผู้เขียนในการทำงานวิจัย หรือการรายงานข่าวที่ย่อคำกล่าว(Speech) ของนายกรัฐมนตรี หรือย่อบทความโดยการคัดลอกอ้างอิงมาเพียงสั่นๆ เป็นต้น
อ้างอิงจาก
http://www.ipthailand.go.th/ipthailand/images/Edittt/copyright/manual/manual-fair-use.doc 30 พ.ค. 54
สิทธิโดยธรรมห้องสมุด  2537
บรรณารักษ์สามารถทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้
1. การทำซ้ำเพื่อใช้ในห้องสมุดหรือให้แก่ห้องสมุดอื่น
            2. การทำซ้ำงานบางตอนตามสมควรให้แก่บุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการวิจัยหรือการศึกษา
ซึ่งทั้ง2 ข้อสามารถทำซ้ำได้โดยไม่เกินจำนวนที่จำเป็น  และต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย
วรรณกรรมหรือสิ่งพิมพ์
1. 1บทความจากหนังสือ 1เล่ม
2. บทความ1บทจากวารสาร/นิตยาสาร/หนังสือพิมพ์
3. เรื่องสั้น  หรือเรียงความขนาดสั้น 1เรื่อง  บทกวีขนาดสั้น 1บท  ไม่ว่าจะนำมาจากงานรวบรวมหรือไม่ก็ตาม
4. แผนภูมิ กราฟ รูปภาพ แผนผัง ภาพวาด การ์ตูน หรือภาพประกอบหนังสือ  จากหนังสือ  นิตยาสาร/วารสาร จำนวน1 ภาพ
การทำสำเนาจำนวนมากเพื่อใช้ในห้องเรียน
ทำได้ไม่เกิน1ชุดต่อนักเรียน1คน  โดยผู้สอน  เพื่อใช้ในการเรียนการสอน
USA  ห้องสมุด
ห้องสมุดทำสำเนาไม่เกิน 1 สำเนา ไม่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้า
1. ไม่มีวัตถุประสงค์โดยตรงหรือโดยอ้อมเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า
2. การเก็บรักษาของห้องสมุดต้องเปิดให้สาธารณชนเข้าถึงได้ด้วย
งานที่ไม่ได้ตีพิมพ์สามารถทำสำเนาได้3สำเนา  เพื่อเก็บรักษาหรือใช้ในห้องสมุดอื่น ถ้า
1. ในปัจจุบันยังมีต้นฉบับอยู่ในห้องสมุด
2. ไม่เผยแพร่สำเนานั้นเป็นดิจิทัลออกไปเป็นสาธารณะนอกห้องสมุด
งานที่ตีพิมพ์ทำสำเนาได้  3 สำเนา แทนที่ชุดที่ชำรุดเสียหาย สูญหาย หาก
1. ห้องสมุดไม่สามารถหามาทดแทนได้ในราคาเป็นธรรม
2. ไม่เผยแพร่สำเนานั้นเป็นดิจิทัลออกไปเป็นสาธารณะนอกห้องสมุด 
หน้าที่ของห้องสมุด
ให้บริการเฉพาะนักศึกษาที่ลงทะเบียนของสถาบัน
กำหนดช่วงเวลาการให้เข้าใช้เท่าที่มีชั้นเรียน
ป้องกันการทำสำเนางานที่มีลิขสิทธิ์เพิ่มเติม
ป้องกันการเผยแพร่งานที่มีลิขสิทธิ์
ระบุแหล่งที่มาของข้อมูลให้ชัดเจน
มีคำเตือนห้ามละเมิดลิขสิทธิ์ และ Fair use บนงานที่จัดให้บริการทุกชิ้น
หากไม่แน่ใจ ให้สอบถามและเขียนขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อนทุกครั้ง
ปริมาณการใช้งานลิขสิทธิ์
ดนตรีกรรมและมิวสิควิดีโอ
ทำซ้ำและหรือเผยแพร่ได้ไม่เกิน 10% หรือ 3 นาที  สำเนางานได้ไม่เกิน 10% แต่ต้องไม่มากกว่า 30วินาทีของแต่ละงาน และจะดัดแปลงทำนองหรือส่วนอันเป็นสาระสำคัญไม่ได้ 
รูปภาพและภาพถ่าย
ใช้ได้ไม่เกิน 5 ภาพ ต่อผู้สร้างสรรค์ 1 ราย หากเป็นการใช้ภาพจากงานวารสารหรือสิ่งพิมพ์ สามารถใช้ได้ไม่เกิน 10% หรือ 15 ภาพ ของจำนวนภาพทั้งหมดที่ปรากฏในวารสารหรือ สิ่งพิมพ์นั้น
ข้อความทำซ้ำหรือเผยแพร่
ไม่เกิน 10% หรือ 1,000 คำ ของแต่ละเรื่องหรือแต่ละบทความ 
ข้อมูลจากงานรวบรวมอันมีลิขสิทธิ์
ไม่เกิน 10% หรือ 2,500 รายการ/ข้อมูล
กรณีห้องสมุดซื้อ DVD ภาพยนตร์ที่มีลิขสิทธิ์และให้บริการยืมแก่ผู้ใช้จะต้องพิจารณาดูว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์ 












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น