จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การเข้าร่วมฟังการบรรยายบริการรูปแบบใหม่ กับ อ.บุญเลิศ อรุณพิบูลย์

การบริการรูปแบบใหม่ (New Service)
         การบริการรูปแบบใหม่ (New Service)  ปัจจุบันจะมีเทรนด์ใหม่ๆเข้ามามากขึ้น  ส่วนมากจะเริ่มมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา  จะมีหลากหลายรูปแบบ  ดังต่อไปนี้
1. Cloud Computing
         Cloud จะเริ่มมาจากต่างประเทศ  เมื่อนำมาปรับใช้เราก็ต้องดูสถาบันสารสนเทศของเราก่อนว่าสามารถทำได้หรือไม่  เช่น Facebook  Gmail   Cloud Computing แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. ที่ตั้ง การที่เราไม่ทารบว่าข้อมูลที่เราทำขึ้นไปนั้นอยู่ที่ไหน  ไม่ทราบแหล่งที่ตั้งของตัวเก็บข้อมูล  การทำงานจะทำบนอินเตอร์เน็ตแล้วทำการประมวณผลด้วยserverใด serverหนึ่ง
2. กลุ่มก้อน  ไม่มีserver ตั้งอยู่จำกัด  จะตั้งกระจายๆ เช่น Gmail  accountของเราจะไปอยู่ประเทศไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าseverที่ประเทศใดว่างอยู่ขณะตอนที่อัพโหลดขึ้นไป
Cloudจะมีทั้งระดับ
Cloud ระดับองค์กร  เช่น Cloud Library
Cloud ระดับบุคคล/บริการ  เช่น Gmail , Facebook , Meebo
Cloud ผสม Dropbox เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใช้ คือ การเก็บรวบรวมงานของเราไว้แล้วสามารถให้คนอื่นมาโหลดไปได้
Cloud ที่แยกตามประเภทการให้บริการ
Public Cloud  คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้
Private Cloud  เฉพาะองค์กรของเราที่สามารถเข้าถึงได้
Hybrid Cloud  ทุกๆระดับ
แยกตามประเภทของเทคโนโลยี
SaaS  -  software as a service เช่น www.zoho.com(ไม่ต้องจ่ายเงินค่าระบบ  จะจ่ายตามเรทที่ต้องการใช้) , www.ducs.google.com
IaaS  - Infrastructure as a service
PaaS  - Platform as a service

2. Mobile Device
         ไม่ตกเทรนด์มาตลอด 5 ปีแล้ว  การจะใช้ในห้องสมุดต้องสำรวจผู้ใช้ก่อนว่าผู้ใช้ใช้โทรศัพท์ประเภทไหน  สามารถเข้าเว็บไซต์ได้หรือไม่  เราจะรู้จักผู้ใช้ และพฤติกรรมผู้ใช้ได้จาก www.truehits.net  ซึ่งเป็นเว็บไซต์สถิติของไทยที่สามารถเข้าไปดูสถิติได้
Smart Phone : Java , Debian
Tablet : Android เช่น Galaxy tab สามารถโชว์ Flash ได้
eReader : ios เช่น Ipad โชว์ Flash ไม่ได้
Netbook : Windows เช่น notebook ทั่วๆไป  เช่น เว็บgoogle analytics

3. Digital content & Publishing 
         เช่น ebook , IR , Digital library , OJS  เช่นเว็บไซต์ ag-ebook  หรือ siamrareebook.com  จากที่ทุกองค์กรมีเงินน้อยลง  จึงมีการจัดทำบริการในรูปแบบที่ 1กับ 3นี้มากขึ้น
ebook ข้อเสีย ออนไลน์ไม่ได้  ใช้เวลาในการทำเยอะ  ในการจะทำ ebookนั้นต้องคำนึงถึงเรื่องต่างๆดังต่อไปนี้  1. การได้มาของเนื้อหา
    2. กระบวนการผลิต และรูปแบบ
    3. ลิขสิทธิ์  ต้นฉบับและการเผยแพร่
รูปแบบ ebook
.doc
.pdf
Flip ebook
Flash flip ebook
epublishing
.epub  ( เป็นนามสกุลของเอกสาร smart phone จะใช้อันนี้ เช่น Ipod , Iphone)
Digital Multimedia book

4. Crosswalk Metadata
         Metadata เกิดขึ้นมาจากบรรณารักษ์  ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้เกิดขึ้นมามากมาย
  • MARC
  • MARCML
  • Dublin core
  • ISAD (g)  มาตรฐานการทำจดหมายเหตุ
  • CDWA มาตรฐานการทำพิพิธภัณฑ์
  • RDF   การทำเกี่ยวกับ High KM ในรูปแบบของ Web 3.0
  • OWL  การทำเกี่ยวกับ High KM ในรูปแบบของ Web 3.0
  • MODs มาตรฐานการทำเกี่ยวกับห้องสมุดเฉพาะ  จะมี element มากกว่า Dublin core
  • METs มาตรฐานการทำเกี่ยวกับห้องสมุดเฉพาะ  จะมี element มากกว่า Dublin core
  • PDF Metadata 
  • Doc Metadata
  • EXIF ทำงานเกี่ยวกับรูปภาพ  ภาพถ่าย เช่น ทำงานของCNN
  • XIF ทำงานเกี่ยวกับรูปภาพ  ภาพถ่าย เช่น ทำงานของCNN
  • IPTC ทำงานเกี่ยวกับรูปภาพ  ภาพถ่าย เช่น ทำงานของCNN
Web 4.0 คือ การก้าวเข้าสู่ Automatic AV ตัวอย่างเว็บไซต์ เช่น
www.biomedexpert.com(จะมีการทำความสัมพันธ์เกี่ยวกับคำที่หาให้ทั้งหมด)
www.researchgate.net
Web 4.0 จะเป็นการดึงข้อมูลของเราทั้งหมดมาให้โดยที่จะดึงข้อมูลทั้งหมดที่เราเคยทำอะไรที่ไหนมาบ้างและอยู่ในเว็บไหนก็จะถูกดึงมาให้ผู้ใช้ได้ทราบหมด  ซึ่งก็กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับเรื่องของความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล
    5. Open Technology 
             เป็นการเปิดให้ผู้ใช้โดยทั่วๆไปสามารถเข้าถึงสารสนเทศของแต่ละสถาบันนั้นๆได้ เช่น
    • Z39.5  เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลบรรณานุกรมของหนังสือผ่าน ILS <---> ILS
    • Z39.88  ILS <---> Apps การเพิ่มลำดับเว็บ  หรือการจัดลำดับเว็บ  เช่น www.Ometric.com
    • OAI-PMH <--- One search เช่น www.tnrr.in.th/beta  หรือเช่น Google แต่จะไม่มีบรรณานุกรมให้   
              หรือจะเป็นฐานข้อมูลต่างๆ เข่น
                   - ฐานข้อมูลนักวิจัย  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
                   - ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
                   - ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์  มหาวิทยาลัยแม่โจ้
                   - ฐานข้อมูลผลงานวิจัย สวทช
                   www.vijai.net เป็น one search แบบ Web Query
    • ILS/DBS <---> DBS , Apps
    • Linked data ---> Semantric web / web3.0  ซึ่ง Semantric จะเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้  คือจะต้องป้อนคำค้นหาที่เป็นประโยคได้  ส่วน web3.0 พิมพ์คำลงไปแล้วให้คำที่เกี่ยวข้องมาด้วย หรือแนะนำคำอื่นๆที่สัมพันธ์มาให้ด้วย  เช่น www.wolframalpha.com ซึ่งได้ประกาศตัวเองเป็นweb3.0  หรือ 164.115.5.61/thesaurus/ 
    6. Data & Information mining / visualization 
            ให้บริการการค้นอย่างเดียวไม่พอแต่จะมีแหล่ง หรือคำเชื่อมโยงต่อไปให้ด้วย เช่น www.boliven.com
    visual web เช่น www.vadl.cc.gatech.com
                            www.labs.ideeinc.com/visual
                            www.krazydad.com/colrpickr
                            www.labs.ideeinc.com/multicocour
                         ซึ่ง3 เว็บสุดท้ายจะเป็นเว็บเกี่ยวกับรูปภาพ
    7. Green Library  
             ซึ่งเป็นผลมาจากของการเกิดภาวะโลกร้อนในปัจจุบันขึ้น  ซึ่งในทุกหน่วยงาน ทุกองค์กรก็หันมาช่วยกันในการลดภาวะโลกร้อนโดยการใส่ใจกับสภาพแวดล้อมมากขึ้น  เช่นจะมี 
    ... Green building : การใช้อุปกรณ์ น้ำ ไฟ แอร์ ให้ประหยัดมากขึ้น
    ... Green ICT : เช่นการนำ cloud เข้ามาใช้งานในองค์กร
    ซึ่งห้องสมุดก็เป็นหนึ่งในนี้ที่ได้มีการใส่ใจกับเรื่องนี้  และได้มีการจัดทำห้องสมุดให้มีการลดการใช้พลังงานทุกๆอย่างลง
    ตัวอย่างเว็บไซต์ เช่น  www.beat2010.net
                                      

      วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

      กิจกรรมห้องสมุด

      กิจกรรมห้องสมุด
               บรรณารักษ์ต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์  ต้องคิดให้มีกิจกรรมที่ดึงดูดใจให้ผู้ใช้เข้ามาใช้บริการของห้องสมุดให้ได้  ต้องคิดให้แปลกใหม่  และแตกต่างอยู่เสมอ
               กิจกรรมห้องสมุด  เป็นงานที่ห้องสมุดจัดขึ้นเป็นครั้งคราว  หรือในโอกาสต่างๆ  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการใช้ห้องสมุด  และส่งเสริมการอ่าน  สอดคล้องกับการส่งเสริมให้มีการอ่านตลอดชีวิต  จะแตกต่างจากงานบริการ คือ  งานบริการเป็นงานที่กำหนดเอาไว้ให้มีตลอดไป  ประมาณ 1-2 ปีก็ได้แล้วแต่ทางห้องสมุดจะจัดการ
      ความสำคัญของกิจกรรมห้องสมุด
               การจัดกิจกรรมห้องสมุด  เป็นประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์ให้มีผู้รู้จักห้องสมุดมากขึ้น  และเป็นการกระตุ้นให้มีผู้ใช้ทรัพยากรห้องสมุดอย่างคุ้มค่าและหลากหลาย  นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ในด้านการส่งเสริมการอ่าน  การศึกษาค้นคว้า  ซึ่งจะสอดคล้องกับระบบการศึกษาของไทยที่ต้องการให้คนไทยมีการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต
      วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมห้องสมุด

      1. เพื่อประชาสัมพันธ์งานและบริการต่างๆของห้องสมุด
      2. เพื่อรณรงค์ให้มีการอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น
      3. เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ใช้อยากอ่านหนังสือประเภทต่างๆมากขึ้น
      4. เพื่อเป็นการเริ่มต้นของการรู้จักศึกษาค้นคว้าสารสนเทศใช้จัดกิจกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ  เกิดประสิทธิผลต่อผู้เข้าชมกิจกรรม
      ประเภทของกิจกรรมห้องสมุด
               กิจกรรมของห้องสมุดจัดแบ่งประเภทออกตามวัตถุประสงค์ที่จัดได้ดังนี้

      1. กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
      2. กิจกรรมส่งเสริมความรู้เรื่องห้องสมุด
      3. กิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอน
      4. กิจกรรมส่งเสริมความรู้ทั่วไป  สำหรับบุคคลทั่วไป
      5. กิจกรรมส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
      • กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน  เป็นกิจกรรมที่สร้างแรงจูงใจให้ผู้ใช้สนใจในการอ่านและเกิดนิสัยรักการอ่าน  ได้แก่
                  - การเล่านิทาน                                                           - การออกร้านหนังสือ
                  - การเล่าเรื่องหนังสือ                                                 - การแสดงละครหุ่นมือ
                  - การตอบปัญหาจากหนังสือ                                      - การโต้วาที
                  - การอภิปรายหนังสือ                                                 - การประกวด
                  - การแข่งขัน                                                              - การจัดแสดงหนังสือใหม่
                  - การวาดภาพโดยใช้จินตนาการจากการฟังนิทาน

      • กิจกรรมส่งเสริมความรู้เรืองห้องสมุด  เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้รู้จักใช้ห้องสมุดในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง  ได้แก่
                  - การแนะนำการใช้ห้องสมุด
                  - การปฐมนิเทศการใช้ห้องสมุด
                  - การนำชมห้องสมุด
      การอบรมนักเรียนให้รู้จักช่วยงานห้องสมุด (ยุวบรรณารักษ์)

      • กิจกรรมการเรียนการสอน  เป็นกิจกรรมที่ห้องสมุดจัดขึ้น  เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้  ได้แก่
                   - การจัดนิทรรศการ                                               - การตอบปัญหา
                   - การประกวดคำขวัญ                                            - การประกวดวาดภาพ
                   - การประกวดเรียงความ                                      
                   -  การให้ความร่วมมือกับผู้สอนในการจัดให้มีการศึกษาค้นคว้าในชั่วโมงเรียน

      • กิจกรรมส่งเสริมความรู้ทั่วไป  เป็นกิจกรรมที่ห้องสมุดจัดขึ้น  เพื่อเป็นการเสริมความรู้ให้แก่ผู้ใช้  ได้แก่
                  - การจัดสัปดาห์ห้องสมุด                      - การจัดป้ายนิเทศเสริมความรู้
                  - การจัดนิทรรศการ                               - การฉายสื่อมัลติมีเดีย
                  - การสาธิตภูมิปัญญาไทย                     - การตอบปัญหาสารานุกรมไทยและหนังสือความรู้รอบตัว

      • กิจกรรมส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์  เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์จากการอ่านหนังสือ  ได้แก่
                 - การจัดมุมรักการอ่าน
                 - การจัดมุมหนังสือในห้องเรียน
                 - การจัดห้องสมุดเคลื่อนที
      การล่านิทาน (Story telling)
               การเล่านิทานเป็นกิจกรรมส่งเสริมการอ่านประเภทหนึ่งที่ช่วยให้เด็กมีนิสัยรักการอ่าน  เพราะนิทานให้ให้ทั้งความสนุกสนาน  เพลิดเพลิน  เพิ่มพูนความรู้ทางภาษาและจินตนาการ  ผู้เล่าต้องมีจิตวิทยาการอ่านที่ดี  ต้องรู้ว่าเด็กสนใจอะไรบ้าง  เด็กชายกับเด็กหญิง  จะมีความสนใจที่เหมือนกันในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น  การเลือกเรื่องที่จะเล่าก็ต้องให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายด้วย
      สาระน่ารู้ของกิจกรรมการเล่านิทาน

      • เรื่องเล่าอย่างไรที่เรียกว่านิทาน
      • ความเป็นมาของการเล่านิทาน  เล่าสืบต่อกันมาอย่างไร
      • ประเภทของนิทานที่มีอยู่ในประเทศไทย
      • การเลือกนิทานสำหรับเล่า  ไม่เล่าเรื่องที่หนักเกินไป
      • การเตรียมตัวก่อนการเล่า
      • วิธีการเล่านิทาน
      • ประโยชน์ของการเล่านิทาน
      ประเภทของนิทานที่มีในไทย

      1. นิทานก่อนมีประวัติศาสตร์
      2. นิทานประเภทชาดกในนิบาตชาดก  เรื่องเกี่ยวกับศาสนาพุทธ  เช่น เทศมหาชาติ  พระเวศสันดร
      3. นิทานประเภทคำกลอน
      4. นิทานนอกนิบาตชาดก
      5. นิทานพื้นเมือง
      6. นิทานประเภทจักรๆวงศ์ๆ
      7. นิทานสุภาษิต
      8. นิทานยอพระเกียรติ
      การเลือกนิทานสำหรับเล่า  การเล่านิทานให้เด็กฟังควรเป็น
      - นิทานปรัมปรา
      - ร้อยกรอง
      - สารคดี
      - ประวัติบุคคลสำคัญ
      การเตรียมตัวก่อนการเล่านิทาน
               การเล่านิทานเป็นศิลปะที่สามารถศึกษาได้  ผูู้เล่าต้องอ่านเรื่องที่จะเล่าให้ขึ้นใจ  บางครั้งต้องใช้หนังสือประกอบเมื่อเล่าให้เด็กฟัง
      นิทานที่เหมาะสำหรับเล่า

      1. มีความเคลื่อนไหวอยู่ในเรื่อง
      2. มีเนื้อเรื่องเร้าใจ
      3. มีพรรณาโวหาร  ให้เห็นภาพ
      4. มีการใช้คำซ้ำๆ  ให้คล้องจองกัน
      5. ตัวละครมีปฏิภาณ  ไหวพริบ
      6. เนื้อเรื่องให้ความสะเทือนใจ
      7. ไม่ใช่เรืองที่น่ากลัวเกินไป
      8. เรื่องเกี่ยวกับเด็กและสัตว์เล็กๆ
      9. นิทานสุภาษิตและอีสป
      10. เรื่องขำขัน
      11. ตำนาน นิทานพื้นเมือง  เทพนิยาย เทพปกรณัม
      วิธีการเล่านิทาน

      1. จัดให้เด็กนั่งเตรียมพร้อมสำหรับการฟัง
      2. สร้างบรรยากาศในการเล่า
      3. เล่าด้วยความมั่นใจ
      4. ใช้ภาษา  สำนวนง่ายๆ
      5. ผู้เล่าต้องมองผู้ฟังอย่างทั่วถึง
      6. จิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องที่เล่า
      7. ต้องสร้างมโนภาพในเรื่องที่จะเล่า
      8. แสดงท่าทางประกอบตามสมควร
      ประโยชน์ของเด็กที่ได้รับจากการฟังนิทาน

      1. รู้จักเลือกอ่านหนังสือ
      2. รู้จักแก้ปัญหาให้ตนเองได้เมื่อนำตนเองเข้าไปเปรียบเทียบกับตัวละครในเรื่อง
      3. ทำให้เด็กมีประสบการณ์กว้างขวาง
      4. เปิดโอกาสให้เด็กได้หัวเราะ  มีจินตนาการร่วม
      5. ช่วยเด็กตัดสินใจว่าเป็นสิ่งที่สังคมของเขายอมรับ





      วิธีการบอกรับ RSS ใน iGoogle

      วิธีการบอกรับ RSS ใน iGoogle

          1. การจะบอกรับ RSS ใน iGoogle นั้น  ขั้นตอนแรกผู้ใช้ต้องทำการสมัครเป็นสมาชิกของ iGoogle ก่อน  โดยถ้าเรามีe-mail ของGmailแล้วเราก็สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้เลย
          2.  เมื่อเรามี iGoogle แล้ว  เราสามารถจะเพิ่มGadgetอะไรเข้าไปในหน้าแรกของigoogleของเราได้  สมมติว่าเมื่อเราต้องการจะติดตามข่าวสารของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก  เราก็เข้าไปในเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก  แล้วเลือกหาสัญลักษณ์ที่มีเครื่องหมาย (RSS  Icon) เมื่อคลิ๊กเข้าไปก็จะพบกับหน้า RSS
       



           
               3.  เมื่อเข้าไปในหน้า RSS แล้วก็เลือกลิงค์ที่เราสนใจอยากจะติดตามแล้วก็Coppy



               
               4.  เมื่อได้ลิงค์แล้วก็กลับไปที่หน้าiGoogle แล้วคลิ๊กเพิ่มแกตเจ็

                      
               5.  จากนั้นให้คลิ๊ก เพิ่มฟีด หรือ เกตแจ็


              
                6. ต่อไปก็นำลิงค์ที่เราต้องการที่ได้coppyไว้เมื่อตอนแรกมาใส่ลงไป และคลิ๊กเพิ่ม  หลังจากนั้นข่าวสารที่เราต้องการก็จะไปปรากฏอยู่ในหน้าแรกของiGoogle ให้เราได้ติดตามข่าวสารต่อไป  



      1.            

      วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

      บริการข่าวสารทันสมัย Current Awareness Service-CAS

      บริการข่าวสารทันสมัย
               บริการข่าวสารทันสมัย  เป็นบริการที่ช่วยผู้ใช้ให้ได้รับข่าวสารที่ทันสมัย  และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเรื่องที่สนใจ  ห้องสมุดจะให้บริการข่าวสารทันสมัยใน 2รูปแบบ คือ
      1. ให้สารสนเทศที่เป็นข้อมูลความรู้
      2. แจ้งข่าวสาร  มีทั้งที่เป็นเฉพาะบุคคล และกลุ่ม  คือการแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าทางสถาบันสารสนเทศได้อะไรใหม่ๆเข้ามาบ้าง  หรือจะเป็นการแจ้งว่าจะมีการประชุมอะไรเกิดขึ้นบ้าง
      CAS อาจเรียกอีกอย่างว่า
      - Selective dissemination of information services (SDI)
      - Alerting services
      - Alerts
      - Current alerting services
                  - Individual article supply  
      ปรัชญาของการบริการ 
      The right book/documents to the right person at the right time
      เอกสารที่ต้องการ สำหรับบุคคลที่ใช่ ในเวลาที่ทันต่อความต้องการใช้
      วัตถุประสงค์
               ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ให้ได้สารสนเทศที่ทันสมัย ให้ทันต่อความต้องการใช้ และเปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงประหยัดเวลาของผู้ใช้
      เช่น เอกสารการวิจัย, เว็บไซต์, กลุ่มสนทนา, สิ่งพิมพ์/ฐานข้อมูล/อินเทอร์เน็ต, ข่าว/เหตุการณ์, พัฒนาการด้านการตลาดที่เกี่ยวข้อง, แจ้งข่าว/เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
      รูปแบบการบริการ CAS
      • เดิม  การเวียนเอกสาร หรือจัดส่งโดยตรง โดยการ
                   - หนังสือให้ทำการสำเนาหน้าปก, สารบัญ  หรือหน้าปกแรกของบทความหรือสารสังเขป
                   - ตัดข่าวหนังสือพิมพ์ส่ง  หรือสรุปข่าว
                   - นำเสนอจดหมายข่าว Newsletter มีกำหนดการออกเป็นอาทิตย์  หรือแจ้งหนังสือออกใหม่
      งานCAS เริ่มมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้บริการ  ปัจจุบันสถาบันสารสนเทศให้บริการ RSS แจ้งข่าวสารปัจจุบันทันเหตุการณ์ต่อผู้ใช้
      • ผู้ค้าฐานข้อมูลเริ่มจัดทำบริการเสริมการใช้ฐานข้อมูล เช่น
                      - Ingenta  ให้บริการส่งบทความใหม่ทุกอาทิตย์ในหัวข้อที่ผู้ใช้สนใจ  แจ้งทาง e-mail  
                      - Google จัดบริการ Alert  แจ้งบทความใหม่ในเรื่อง/หัวข้อที่ผู้ใช้กำหนด แจ้งทาง e-mail  
      การเวียนเอกสารแบบเดิม  
      ในปัจจุบันก็ยังมีการใช้อยู่  โดยสามารถจัดทำได้ใน 3 วิธี
      1. ส่งโดยตรงจากผู้ใช้ต่อๆกันไป  และส่งกลับมายังสถาบันบริการเมื่อผู้ใช้คนสุดท้ายใช้เสร็จ
      2. แบ่งผู้ใช้ออกเป็นกลุ่มเล็กๆ  โดยจัดกลุ่มผู้ใช้ตามที่อยู่ เมื่อเวียนใช้ภายในกลุ่มแล้วให้ส่งกลับมาที่สถาบันบริการสารสนเทศก่อนทุกครั้ง จากนั้นจึงจัดส่งไปยังกลุ่มอื่นต่อไป 
      3. จัดส่งเอกสารไปยังผู้ใช้แต่ละคน  โดยให้ผู้ใช้ส่งกลับมาที่สถาบันบริการสารสนเทศทุกครั้งก่อนจะส่งให้ผู้ใช้คนต่อไ
      • การกำหนดให้ผู้ใช้ส่งเอกสารกลับมายังสถาบันบริการสารสนเทศบ่อยๆ จะสามารถควบคุมการจัดส่งระหว่างผู้ใช้ได้
      • การกำหนดให้ส่งกลับบ่อยๆ จะเป็นการเพิ่มภาระให้แก่ผู้ใช้  และเพิ่มความเสี่ยงต่อการชำรุดเสียหายต่อเอกสาร
      • การตัดสินใจเลือกใช้วิธีการเวียนเอกสารวิธีใดต้องพิจารณาถึงสภาพการใช้และความรับผิดชอบของสมาชิกประกอบด้วย  
      ข้อควรปฏิบัติในการเวียนเอกสาร
      1. ไม่จัดบริการแก่สมาชิกใหม่  จนกว่าจะแน่ใจว่าเขาต้องการเอกสารนั้นจริงๆ
      2. ไปเยี่ยมผู้ใช้เป็นครั้งคราว  เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ส่งเอกสารที่นำไปหมุนเวียนเร็วขึ้น
      3. จัดลำดับให้ผู้ใช้ได้รับเอกสารก่อนหลังสลับกันบ้าง  เพื่อความเสมอภาค  
      แบบฟอร์มการเวียน
               ต้องมีการจัดทำแบบฟอร์มการเวียน  ซึ่งลักษณะอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบัน
      ข้อดีของการเวียนวารสาร คือ 
      • เป็นการกระจายวารสารไปสู่ผู้ใช้ที่แน่นอน  โดยเฉพาะผู้ใช้ที่อยู่ห่างไกล  หรือไม่สามารตถมาใช้บริการที่ห้องสมุดได้ด้วยตนเองเป็นประจำ
      • ให้โอกาสผู้ใช้ได้เห็นเนื้อหาของเอกสารแต่ละรายการ  ทั้งข่าวสาร / โฆษณาในเอกสาร  บางรายการอาจมีความสำคัญมากกว่าเนื้อหา  เช่น โฆษณาแนะนำอุปกรณ์ใหม่ๆ
      ข้อด้อยขงการเวียนเอกสาร  คือ 
      • ผู้ใช้ที่ได้เอกสารคนสุดท้ายอาจได้รับสารสนเทศที่ล้าสมัย
      • เสี่ยงต่อการชำรุด  สูญหายของเอกสาร
      • เพิ่มภาระงาน
      การจัดแสดงทรัพยากรสารสนเทศใหม่
        เป็นการนำทรัพยากรสารสนเทศใหม่ที่ได้รับเข้ามา  มาจัดแสดงในระยะเวลาที่เหมาะสม  ไม่น้อยกว่า 1อาทิตย์  และควรคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้
        1. สถานที่จัดแสดง  ควรเป็นบริเวณที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ผ่านเป็นประจำ
        2. ประเภทของทรัพยากรสารสนเทศที่นำมาจัดแสดง    ควรเลือกประเภทของทรัพยากรที่จะนำมาจัดแสดงให้หลากหลาย  ไม่ควรเลือกเฉพาะสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง  
        3. วิธีการจัดแสดง  ควรแยกประเภทของทรัพยากรสารสนเทศให้เป็นหมวดหมู่
        4. ระยะเวลาในการจัดแสดง  ส่วนใหญ่จะจัดแสดงอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์  บางแห่งจะใช้วิธีทยอยเอาออกมาแสดงหรือจะเอาออกมาแสดงในครั้งเดียวก็ได้
        5. การอนุญาตให้ใช้ในขณะจัดการแสดง  อาจจะมีการให้สามารถหยิบไปใช้ได้  หรือมีการให้ยืมออกไปใช้ได้  แต่ก็จะมีข้อเสียคือผู้อื่นที่มาทีหลังจะไม่ได้เห็น
        6. การดำเนินการทางเทคนิค  ทรัพยากรสารสนเทศส่วนใหญ่ที่นำมาจัดแสดงจะดำเนินการทางเทคนิคเรียบร้อยแล้ว

        • หนังสือที่มีข้อมูลรายการในเล่ม จะดำเนินการทางเทคนิคก่อนนำออกแสดง  เพราะสามารถทำได้เร็ว
        • รายการที่ต้องวิเคราะห์หมวดหมู่เองจะจัดแสดงก่อนแล้วจึงไปดำเนินการทางเทคนิค
        • จะดำเนินการทางเทคนิคให้ก่อนถ้ามีผู้ใช้แสดงความจำนงต้องการใช้ 
        การจัดส่งบริการ CAS
        CAS จะมีประโยชน์เมื่อ  สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์  2 ข้อ คือ

        1. ให้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์
        2. ตรงตามความต้องการต่อผู้รับ 
         การจัดส่ง หรือเผยแพร่บริการสามารถทำได้ ดังนี้
        1.สิ่งพิมพ์ (Print)
        2.โทรคมนาคม (Telecomms) คอมพิวเตอร์ (Computer) อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์  มือถือ
        1. สิ่งพิมพ์  (Print)
                 Current Awareness Bulletin  ในรูปสิ่งพิมพ์ยังคงเป็นวิธีการที่ดีและนิยมแพร่หลาย  สามารถใช้ได้กับองค์กรทุกขนาด ตั้งแต่ไม่ถึง 20 คน ไปจนถึงทั้งมหาวิทยาลัย การจัดบริการจะ ขึ้นอยู่กับความถี่ในการขอใช้บริการ
        ข้อดีของการพิมพ์ คือ ใช้สีได้  ผู้ใช้สามารถจดบันทึกลงบนกระดาษได้  สามารถนำกลับมาดูได้
        ข้อด้อย  ได้แก่  สูญหายง่าย  อาจเปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ  รักษาความลับได้ยาก  เนื่องจากทุกคนสามารถเปิดอ่านได้
        2. โทรคมนาคม (Terecomms)
        โทรศัพท์  คอมพิวเตอร์  มือถือ
        Voice-mail
        ข้อดี  ผู้ใช้คุ้นเคยกับการสื่อสารด้วยคำพูด  บางครั้งผู้รับชอบฟังมากกว่าพูด
        ข้อด้อย  ในทางตรงกันข้ามบางคนอาจรู้สึกรำคาญ  หรือรู็สึกที่ไม่ดีที่ต้องฟังข้อมูลทั้งหมด  หากขณะฟังมีคนพูดแทรกอาจพลาดข้อมูลที่สำคัญ
        Mail
        ข้อดี  จัดส่งได้รวดเร็ว ถูก ประหยัดที่  ไม่ฉีกขาด  รักษาความลับได้
        ข้อด้อย  แฟ้มข้อมูลอาจเกืดความเสียหายได้  เนื่องจากความผิดพลาดทางเทคนิค  บางครั้งอาจเผลอลบข้อมูล  ลืมpassword ไม่สามารถเข้าใช้ได้  ผู้ใช้ไม่ได้เข้าไปตรวจดูก็อาจพลาดข่าวสารได้ 

        วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

        บริการสอนการใช้ - ต่อ

        การสอนการรู้สารสนเทศในสถาบันการศึกษา - ต่อ
        บทเรียนออนไลน์
                 เป็นการสอนโดยผ่านเว็บไซต์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  เพื่อให้ผู้ใช้ได้ศึกษาและปฏิบัติได้ด้วยตนเอง
        นำชมห้องสมุด
                 สามารถแสดงให้ผู้ใช้ทราบได้ในรูปแบบของแผนผัง  วิดีโอ  เสียงประกอบ
        บริการติวการรู้สารสนเทศ
                 เป็นบริการที่ห้องสมุดทำขึ้นเพื่อใช้ติวให้กับผู้ใช้ห้องสมุด  จะมีการแบ่งกลุ่มในการติว  เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ห้องสมุดให้บริการ
        ความร่วมมือ
                 บริการแต่ละชนิดในห้องสมุด  เช่น บริการติว  จะใช้เวลาในการทำนาน  ถ้าห้องสมุดแต่ละแห่งร่วมมือกันเป็นเครือข่ายห้องสมุด  ผู้ใช้สามารถเข้าไปใช้บริการของห้องสมุดอื่นๆที่เป็นเครือข่ายอยู่ได้  เช่น
        - บนระบบOA จะมี cc  (Creative Common) คือ สัญลักษณ์ที่เจ้าของผลงานอนุญาตให้เอาข้อมูลนั้นๆไปใช้ได้  จะมีSubtitle ให้ด้วย เช่น Youtube
        - A.N.T.S (Animated Tutorial Sharing Project )  เป็นคลังเก็บข้อมูลที่หลายๆคนนำข้อมูลมาเก็บไว้รวมๆกัน  ที่เปิดให้ผู้อื่นนำไปใช้ได้
        มาตรฐาน

        สมาคมห้องสมุด (American Library Association-ALA)
                • จัดทำมาตรฐานการรู้สารสนเทศสำหรับนักเรียน (Information Literacy Standards for Schools) ในปี 1998 
                • มาตรฐานการรู้สารสนเทศสำหรับนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา (Information Literacy Standards for Higher Education) ในปี 2000  
        ประเทศอังกฤษ
                 Society of College, National and University Librariesได้มีการกำหนด มาตรฐาน เรียกว่า Seven Pillars of Information Literacy
        แบบทดสอบ

        สมาคมห้องสมุดมหาวิทยาลัย  และวิจัยแห่งสหรัฐอเมริกา (Association of College and Research Libraries-ACRL)
        •  Standardized Assessment of Information Literacy Skills (SAILS) โดยพัฒนาจากมาตรฐาน Information Literacy Competency Standard for Higher Education   

        สถาบันสากล Education Testing Service (ETS)           
        •  Information and Communication Technology Literacy Test (iSkills)
        ออสเตรเลีย สถาบัน Council of Australian University Librarians (CAUL) 
        •  Information Skills Survey (ISS)

                 รายการ IL Assessment เป็นรายการที่บรรณารักษ์ทำขึ้น  เพื่อใช้เป็นแบบทดสอบความเข้าใจให้กับผู้ใช้ห้องสมุด
        ทักษะที่บรรณารักษ์ต้องมี

        • ทักษะการสอน
        • การประเมิน  ว่าที่สอนไปนั้นมีประสิทธิภาพ  ประสิทธิผลหรือไม่  
        • IT Web design  ต้องทำสื่อต่างๆได้ เช่น Flash, Video
        • ทักษะการสื่อสาร  เพราะบรรณารักษ์ต้องได้พบปะกับผู้ใช้อยู่เป็นประจำ 

        การบริหารจัดการ

        การวางแผนการเตรียมการสอนการใช้ห้องสมุดประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
        - ประเมินความต้องการของผู้ใช้
        - กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์
        - การประชาสัมพันธ์โปรแกรมการสอน
        - เตรียมอุปกรณ์การสอน
        - เตรียมบุคลากร
        - เตรียมสถานที่
        - ปฏิบัติตามแผนงาน

        วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

        บริการสอนการใช้

        บริการสอนการใช้
                 บริการสอนการใช้  เป็นบริการที่ให้บริการโดยบรรณารักษ์อ้างอิง  ซึ่งในมหาวิทยาลัยจะเน้นการบริการไปที่นักศึกษาปีที่1 จะเป็นการสอนให้ผู้ใช้ได้ทราบการใช้บริการของสมุดได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน  เพราะสารสนเทศในโลกเรานี้มีมากมายมีทั้งที่อยู่ในบุคคล  หรือที่ได้เผยแพร่ออกมาแล้วอยู่ในรูปของเอกสาร,อิเล็กทรอนิกส์สารสนเทศต่างๆ  การเก็บสารสนเทศไว้ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์จะมีเก็บไว้ที่เรียกว่า
                 - Deep web  คือการเก็บสารสนเทศไว้ในฐานข้อมูลต่างๆ
                 - Open web  คือการเก็บสารสนเทศที่อยู่ในเว็บไซต์ต่างๆ  เช่น Google,Yahoo,Bing

                 สมาคมห้องสมุดอเมริกัน  ได้กำหนดไว้ว่า  หน้าที่ของห้องสมุดทุกประเภท  คือต้องจัดการให้ผู้ใช้มีโอกาสเข้าใจในระบบการจัดการ  และการบริการสารสนเทศ  การแนะนำการใช้ห้องสมุด  ถือเป็นหลักการแรกในการให้บริการ
                 บริการสอนการใช้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้ด้วยตนเอง  ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต(Life long learning)  ในสังคมปัจจุบันจะเน้นสังคมแห่งการเรียนรู้  ซึ่งจะให้ความสำคัญกับ  Information  Literacy  คือการรู้สารสนเทศ  ของคนในสังคมมากขึ้น
                 เมื่อปีค.ศ.1974  Paul  Zurkowski ได้กำหนด  การรู้สารสนเทศ (Information  Literacy) ขึ้น  เนื่องจากเห็นถึงความหลากหลายของสารสนเทศ  และความจำเป็นในการเข้าถึง  การนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยกล่าวว่า  การรู้สารสนเทศ  คือการที่บุคคลได้รับการฝึกให้สามารถประยุกต์สารสนเทศมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ในปี1980  ได้เพิ่มทักษะการรู้คอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) เข้ามา คือการที่บุคคลมีความรู้ความเข้าใจในการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ให้เกิดประโยชน์กับงานของตน  เนื่องจากเห็นว่าคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางในการจัดการและการเข้าถึงสารสนเทศ
        การส่งเสริมการรู้สารสนเทศในสถาบันการศึกษา
                 เป็นการส่งเสริมให้เด็กรู้สารสนเทศตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงปริญญาโท  หรือปริญญาเอก  การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะเป็นผู้รู้สารสนเทศได้เป็นอย่างดีนั้น  จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน และการเตรียมพร้อมอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน เพื่อให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลาและตลอดชีวิต  ดังนั้น  ประเทศต่างๆจึงได้มีการกำหนดทักษะการรู้สารสนเทศไว้ดังต่อไปนี้
                 จัดทำเกณฑ์  และแบบทดสอบการใช้สารสนเทศไว้  คือ

        • สหรัฐอเมริกา  Association of College and Research Libraries – (ACRL) ได้กำหนดมาตรฐาน  - แบบทดสอบที่เรียกว่า  Standardized Assessment Of Information Literacy Skills  (SAILS)  
        • สถาบันสากล Education Testing Service (ETS)
                  - แบบทดสอบทักษะการรู้สารสนเทศออนไลน์ (Information and Communication Technology       Literacy Test (iSkills)
        • ออสเตรเลีย สถาบัน Council of Australian University Librarians (CAUL)
                  - แบบทดสอบ  Information Skills Survey (ISS) (UNESCO, 2008, p.20)
        • KENT
        - TRAILS
          ห้องสมุดและการส่งเสริมการรู้สารสนเทศ
                   การให้บริการสอนการใช้ห้องสมุด  จะจัดทำใน 2 ลักษณะ
          1. ให้บริการเฉพาะบุคคล
          เป็นการบริการช่วยเหลือผู้ใช้เมื่อผู้ใช้มีปัญหาต้องการความช่วยเหลือ  บรรณารักษ์อ้างอิงจะจัดการบริการสอน/แนะนำผู้ใช้เกี่ยวกับ หลักการค้นสารสนเทศ การใช้เครื่องมือค้นทรัพยากรสารสนเทศ และสารสนเทศที่ห้องสมุดจัดบริการ
          2. ให้บริการเป็นกลุ่มมีทั้งกลุ่มที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ  เมื่อผู้ใช้ร้องขอหรือติดต่อบรรณารักษ์มาอย่างเป็นทางการ  ห้องสมุดก็จะกำหนดเวลาไว้อย่างแน่นอน
          ก. นำชมห้องสมุด
          - กระตุ้นให้ผู้ใช้บริการเข้ามาใช้บริการห้องสมุดอีกในครั้งต่อไป
          ข. สอนการใช้เครื่องมือค้น
          - เช่นฐานข้อมูล  เนื่องจากสารสนเทศมีอยู่ในหลายรูปแบบ  หลายประเภท  ฐานข้อมูลก็เป็นอีกรูปแแบหนึ่งที่เก็บสารสนเทศเอาไว้มากมาย  ดังนั้นผู็ใช้ต้องทราบว่าจะหาข้อมูลที่ต้องการได้จากฐานข้อมูลอะไร  และจะได้ข้อมูลที่เป็นฉบับบเต็มหรือไม่อย่างไร  ผู้ใช้จะได้ใช้ได้อย่างถูกต้องและไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
          วิธีการสอน
          1. สอนเป็นรายวิชาอิสระ  เป็นรายวิชาหนึ่งของหลักสูตร  ซึ่งอาจเป็นวิชาบังคับ  หรือวิชาเลือก  ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบัน
          2. บทเรียนออนไลน์  สอนผ่านทางเว็บไซต์  มีการใช้สื่อประสมและเทคโนโลยีช่วยในการพัฒนาบทเรียน
          3. สมุดฝึกหัด  นอกจากการทำออนไลน์แล้ว  ก็มีการทำสื่อออกมาในรูปแบบหนังสือด้วย  เพื่อใช้ประกอบเนื้อหาในบทเรียน
          4. การสอนเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา  นำการสอนการรู้สารสนเทศสอดแทรกอยู่ในรายวิชาต่างๆเพื่อให้ผู้เรียนรู้จักการสืบค้นสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับรายวิชานั้นๆ
          5. การสอนแบบบูรณาการกับรายวิชาอื่นในหลักสูตร  เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างบรรณารักษ์กับผู้สอน
          6. โปรแกรมสอนห้องสมุด (One short Instruction)  จัดสอน อบรม ปฏิบัติการโดยห้องสมุด

          วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

          บริการนำส่งเอกสาร (Document Delivery services)

          บริการนำส่งเอกสาร  
                   เป็นบริการที่จัดหาเอกสารที่ผู้ใช้ต้องการทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์ที่พิมพ์เผยแพร่และที่ยังไม่ได้พิมพ์เผยแพร่  จัดส่งในรูปของเอกสารกระดาษ  วัสดุย่อส่วน  หรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์  ด้วยวิธีการส่งที่มีประสิทธิภาพ  มีการคิดค่าบริการผู้ใช้  จะแตกต่างกันไปในแต่ละห้องสมุด  ที่สำคัญผู้นำส่งที่รับผิดชอบเรื่องนี้ต้องทราบกฎหมายลิขสิทธิ์  และในการจัดส่งนั้นจะต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ด้วย  ในต่างประเทศจะมีการเสียภาษีด้วยเพราะถือว่าเป็นการค้าวัสดุเอกสาร  อาจจะเป็นในห้องสมุดเพื่อหารายได้ของห้องสมุดและผู้แทนจำหน่าย
          บริการเสริม ILL
                   มีการทำทั้งภายในและภายนอกองค์กร  เอื้อประโยชน์ให้ผู้ใช้ได้ทรัพยากรสารสนเทศที่ต้องการ  บริการนี้มักจะทำในห้องสมุด  เพราะวารสารมีราคาสูง  มีผู้ใช้น้อย  ห้องสมุดก็สามารถใช้บริการเครือข่ายติดต่อบริษัทจำหน่ายบทความได้  โดยไม่ต้องบอกรับวารสารเอง  และการซื้อบทความมักจะมีการบวกภาษีเพิ่มด้วย
          ปรัชญาและวัตถุประสงค์ของการบริการ

                   ปรัชญาของการบริการนี้ก็จะเหมือนกับปรัชญาการบริการ ILL  คือ
          ไม่มีห้องสมุดใดที่สามารถมีทรัพยากรสารสนเทศครบตามที่ผู้ใช้ต้องการ
          สนองความต้องการผู้ใช้
          แก้ปัญหาการบริการ  ไฟไหม้  น้ำท่วม หาย
          เพิ่มศักยภาพในการบริการ
          วัตถุประสงค์
          Just in time (ทันกาล)  สามารถให้บริการผู้ใช้ได้ในทันทีที่ผู้ใช้ต้องการ
          สืบเนื่องจาก - การส่งเอกสารเริ่มจากการยืมระหว่างห้องสมุด
                              - งบประมาณลดลงที่ได้  ผู้ใช้ถูกจำกัดการใช้
          แตกต่างจากบริการ ILL คือ เตรียม จัดหา ผลิต ทรัพยากรสารสนเทศสำหรับผู้ใช้
          วิธีการบริการ  - เดิม จะบริการส่งทางไปรษณีย์  โทรสาร
                                   - ปัจจุบัน บริการจัดส่งในรูปของอิเล็กทรอนิกส์  สแกนส่ง  แนบไฟล์  จัดหาหนทาง
          วิธีการนำส่ง (มีให้บริการทั้งภายในและภายนอกองค์กร)
          1. ทางไปรษณีย์ 
          2. ทางโทรสาร
          3. ยานพาหนะ
          และมีการส่งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์  ซึ่งจะมีความรวดเร็ว
          1. e-mail
          2. นำส่งด้วยภาพลักษณ์เอกสาร : Prospero (oss) ส่งเอกสารแบบ Tiff file แจ้งทางอีเมล์
          ผู้ให้บริการ
          •        สถาบันบริการสารสนเทศ
                              - จัดส่งทั้งภายในและภายนอกสถาบัน แต่ก็ต้องมีข้อตกลงร่วมกัน
          •        ตัวแทนจัดหาและจัดส่งเอกสาร
          - ผู้ให้บริการทั่วไป  เช่น Ingenta
          - ผู้ให้บริการเฉพาะด้านสาขาวิชา  เช่น Proquest
          - ผู้ให้บริการที่เป็นสำนักพิมพ์  เช่น Elsevier Science, SpringerLink
          - ผู้ให้บริการที่เป็นผู้จำหน่ายฐานข้อมูล  เช่น Dialog, Dissertation Abstract Online-DAO
          - ผู้ให้บริการที่เป็นนายหน้าค้าสารสนเทศ  เช่น Infotrieve
          การดำเนินการ
          มีทั้งระบบมือและระบบอัตโนมัติ  จะมีลักษณะแบบฟอร์มให้ผู้ใช้ในการขอใช้บริการ  เช่น  ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  จะมีการให้บริการอยู่ในรูปของอิเล็กทรอนิกส์
          - การบริการของห้องสมุดแก่ห้องสมุดอื่น  จะอยู่ในรูปของการขายเอกสาร  
          - ผ่านผู้ให้บริการทั่วไป เช่น Ingenta สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะสาระสังเขปเท่านั้น  ถ้าต้องการข้อมูลทั้งหมดต้องทำการซื้อ  และจะมีโปรโมชั่นต่างๆให้ลูกค้า
          - นายหน้าค้าสารสนเทศ  เช่น  Infotrieve  จะเหมือนกับ Ingenta แต่จะไม่มีฐานข้อมูลเป็นของตนเอง
          - ห้องสมุดจัดเตรียมให้
          การบริการบนอินเทอร์เน็ต
          สามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆ  โดยไม่ต้องเข้าห้องสมุดก็ได้  ทำให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้น  เป็นการจัดหาหนทางให้ผู้ใช้อีกทางหนึ่ง
          ข้อคำนึงการให้บริการDD 
          1. ลิขสิทธิ์
          2. ค่าใช้จ่ายในการนำส่งเอกสาร  ค่าสำเนา ค่าส่ง บุคลากร ค่าลิขสิทธิ์ตอบแทน ค่าตรวจสอบแหล่งสารสนเทศ ค่าบอกรับ ผู้ใช้จะต้องรับผิดชอบ
          3. การเข้าถึงและ กรรมสิทธิ์
          4. ความสามารถในการเข้าถึงต่างระบบ
          5. ค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
          การดำเนินการเมื่อได้รับเอกสาร
          • แจ้งผู้ขอทันที
          • จัดการให้มีการส่งคืนตามกำหนด
          • บทความที่ให้บริการเป็นของผู้ขอใช้
          *การนำส่งต้องส่งคืนด้วนตนเองที่ห้องสมุดเท่านั้น 







          วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

          การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด

          การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด
                   ต้องมีคณะกรรมการควบคุมการดำเนินงาน  ปรับปรุง  พัฒนา  มีคณะทำงานฝ่ายบริการสารสนเทศ
          1. จัดทำคู่มือ
          2. กำหนดมาตรฐานร่วมกัน
          3. กำหนดรูปแบบการดำเนินงานการประสานงาน
                   ห้องสมุดที่ให้บริการเป็นผู้กำหนดนโยบายพิเศษ  และวิธีการยืมระหว่างห้องสมุดเอง  ต้องมีการจัดทำ Union Catalog ร่วมกันจึงจะสามารถร่วมมือกันในการให้บริการยืมระหว่างห้องสมุดได้
          - กำหนดรายละเอียดระบบในการยืมระหว่างห้องสมุดออกมา 
          - สำรวจด้านสิทธิในการให้บริการยืมฉบับจริง ว่าสามารถให้ยืมได้หรือไม่
          - ปรับปรุงรายชื่อคณะทำงาน E-mail และ MSN  ให้ทันสมัย  เพื่อให้ง่ายและสามารถติดต่อกับห้องสมุดได้เร็ว
          - การพัฒนางานเพื่อความร่วมมือระหว่างห้องสมุด  ต้องพัฒนางานในห้องสมุดให้ทันสมัย  มีการอัพเดตข้อมูลของห้องสมุดอยู่ตลอดเวลา
          การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด

          1. การดำเนินงานด้วยระบบมือ (Non-automated ILL)  เช่น โทรศัพท์ , การใช้อีเมล์ , การใช้แบบฟอร์ม
          2. การดำเนินงานในระบบอัตโนมัติ (Automated ILL)  การทำรายการผ่านระบบออนไลน์ผ่านระบบเครือข่าย  แก้ไขปัญหาการยืมคืน  สามารถเลือกได้ว่าสถาบันใดใกล้  รวดเร็ว  และสะดวกสบายที่สุด  มักจะทำแหล่งอื่นๆเสริมให้เข้าถึงได้ด้วย
          การคิดค่าบริการ
          - การคิดค่าบริการจากผู้ใช้  ทั้งนี้อย่างน้อยเพื่อให้มั่นใจว่า  ผู้ใช้จะมารับรายการที่ยืมไว้แน่นอน  และผู้ใช้มั่นใจว่าสถาบันจะต้องดำเนินการให้อย่างแน่นอน
          - ปกติจะมีการคิดค่าบริการพิเศษอยู่แล้ว  เช่น ค่าใช้บริการค้นข้อมูลออนไลน์  ค่าค้นฐานข้อมูล  ค่าไปรษณีย์การจัดส่ง  (ห้องสมุดต้องคิดค่าบริการกำหนดให้เป็นมาตรฐาน)
          - สถาบันชดเชยให้ในกรณีเกิดการสูญหาย
          การจัดส่งเอกสาร
          - ไปรษณีย์
          - บริการส่งพัสดุ
          - บริการรับส่งเอกสาร
          - จัดส่งทางโทรสาร
          - ส่งทางอิเล็กทรอนิกส์
          ทั้งนี้ควรคำนึงถึงจริยธรรมและความถูกต้องทางกฎหมายด้วย
          การบรรจุหีบห่อ
                   การบรรจุหีบห่อทรัพยากรสารสนเทศที่ถูกยืมต้องทำด้วยความระมัดระวัง  เนื่องจากอาจเกิดความเสียหายได้ในขณะการเดินทางในการจัดส่ง
          ข้อควรคำนึง
                   พยายามดูแลรักษาวัสดุที่ยืมให้มีสภาพที่ดี  โดยเฉพาะการหีบห่อ  และการเลือกบริการผู้ส่ง  บางทรัพยากรอาจต้องมีการกำหนดไม่ให้ยืม  เน่องจากระยะเวลาในการส่ง  รวมทั้งมีราคาและคุณค่าสูง
          การดำเนินการเมื่อได้รับเอกสาร

          • แจ้งผู้ขอทันที
          • จัดการให้มีการส่งคืนตามกำหนด
          • บทความที่ให้บริการเป็นของผู้ขอใช้
          ข้อคำนึงด้านจริยธรรมและกฎหมาย
          - การยืมระหว่างสถาบันเกี่ยวข้องกับกฎหมายลิขสิทธ์เป็นอย่างมาก  เนื่องจากต้องมีการทำสำเนาบทความจากหนังสือ  วารสาร  วัสดุย่อส่วนจากคอมพิวเตอร์  ซึ่งการคัดลอก หรือทำสำเนางานของผู้อื่น แม้ในบางเรื่องจะไม่ผิดกฎหมายแต่ต้องคำนึงถึงจริยธรรมในการคัดลอกงานของผู้อื่นด้ว
          ควรขออนุญาตเจ้าของผลงานก่อนเพื่อเป็นการให้เกียรติ และป้องกันการละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ควรแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับสิทธิในการทำสำเนา โดยอาจติดไว้ที่เคาน์เตอร์ยืมคืน หรือ ที่บริการยืมระหว่างสถาบัน
          กฎหมายลิขสิทธิ์

          กฎหมายลิขสิทธิ์ไทย เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้เมื่อ พ.ศ.2537 กำหนดงานที่ได้รับความคุ้มครอง อันได้แก่ งานสร้างสรรค์ประเภท วรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนต์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ ของผู้สร้างสรรค์ ไม่ว่างานดังกล่าวจะแสดงออกโดยวิธีหรือรูปแบบอย่างใด  สิ่งที่ไม่ใช่งานลิขสิทธิ์  เช่  
          - ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานใน แผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
             รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
            -  ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของหน่วยงาน
            -  คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
            -  คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือ 
          งานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น 


          ขอบเขตคุ้มครองงาน
          • ทำซ้ำหรือดัดแปลง
          • เผยแพร่ต่อสาธารณชน
          • ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง
          • ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น
          • อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไขดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้
          การละเมิดลิขสิทธิ์
          กฎหมายลิขสิทธิ์กำหนดพฤติกรรมใดว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์งานของผู้อื่นไว้ชัดเจน ได้แก่ การทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่งานต่อสาธารณชน ซึ่งงานลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต ส่วนงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นได้เพิ่มการกระทำละเมิดอีกอย่างหนึ่งไว้ คือ การให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางาน หากผู้ใดกระทำการดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องรับโทษอาญาและจ่ายค่าเสียหายแก่เจ้าของงานด้วย หากผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำการต่อไปนี้แก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย ได้แก่
          • ขาย  มีไว้เพื่อขาย  เสนอขาย  ให้เช่า  เสนอให้เช่า  ให้เช่าซื้อ หรือเสนอให้เช่าซื้อ
          • เผยแพร่ต่อสาธารณชน
          • แจกจ่ายในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์
          • นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร
                    การละเมิดนำงานลิขสิทธิ์ไปหากำไรโดยรู้หรือมีเหตุควรรู้ได้ จะใช้ลงโทษ เจ้าของร้านค้า ผู้จัดการ ลูกจ้างที่รู้ชัดหรือมีเหตุควรรู้ว่า กำลังขาย เผยแพร่ นำเข้า งานอันมีลิขสิทธิ์ ดังนั้น ร้านค้าใดขายแผ่นซีดีเพลงหรือภาพยนตร์ หนังสือ ซึ่งละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้ที่ต้องรับโทษในคดีประเภทนี้ คือ เจ้าของร้าน ผู้จัดการ ลูกจ้างขายของ ซึ่งต้องรู้หรือควรรู้ว่ากำลังจำหน่ายงานละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย พวกเขาจึงรับโทษอาญาหรือจ่ายค่าเสียหายแก่เจ้าของงาน กรณีสำนักพิมพ์ผลิตหนังสือที่ละเมิดลิขสิทธิ์งานของผู้อื่น นอกจากนักเขียนที่ลอกหรือดัดแปลงงานนั้นต้องรับโทษอาญาแล้ว หากสำนักพิมพ์ทราบว่าผลิตงานโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของงานก่อน แล้วยังออกจำหน่ายอีก จะต้องรับโทษร่วมกับนักลอกด้วยซึ่งการทำเพื่อเห็นแก่การค้าหากำไร ผู้กระทำจะรับโทษจำคุกสูงขึ้นและปรับมากขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้น การผลิตงานเผยแพร่จึงต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อมีการแจ้งเตือนให้พิจารณาว่าละเมิดงานลิขสิทธิ์ ต้องรีบตรวจสอบทันทีและงดเผยแพร่งานเพื่อมิให้ต้องรับโทษอาญาร่วมกับนักคัดลอกด้วย แต่สำนักพิมพ์มิได้เสียสิทธิในการเรียกค่าเสียหายจากนักคัดลอกที่สร้างความเสียหายแก่องค์กรของตน หากมีการเรียกร้องค่าเสียหายจากนักคัดลอกเหล่านั้นจะเป็นการปรามนักคัดลอกรุ่นต่อไปมิให้ยึดเป็นเยี่ยงอย่างด้วยและลดความเสียหายของตนลงได้



          โทษการละเมิดลิขสิทธิ์
          กฎหมายคุ้มครองงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์ แล้วกำหนดโทษหนักแก่ผู้ทำละเมิดไว้ชัดเจน การละเมิดต่องานของผู้สร้างสรรค์ทั้งทำซ้ำ ดัดแปลงงาน เผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับความยินยอมตามกฎหมาย ต้องมีโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หากพฤติกรรมทำละเมิดดังกล่าวเพื่อการค้า ผู้กระทำจะมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตัวอย่างเช่น นักลอกนำนิยายของนักเขียนอื่นมาดัดแปลงแล้วอ้างเป็นงานของตนเพื่อจัดพิมพ์เป็นเล่มขายในท้องตลาด จักเห็นว่านักลอกจงใจทำละเมิดงานอันมีลิขสิทธิ์เพื่อเจตนาทางการค้า คือ พิมพ์งานเป็นเล่มออกขายในตลาด เป็นต้น หากสำนักพิมพ์นำงานอันมีลิขสิทธิ์ที่ถูกละเมิดโดยนักลอกดังกล่าวไปจำหน่ายทั้งที่รู้ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น จักต้องรับโทษจำคุกสามเดือนถึงสองปี หรือโทษปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับด้วย ผู้ทำละเมิดลิขสิทธิ์ต้องรับโทษอาญาแล้ว ผู้นำงานอันละเมิดดังกล่าวไปหาประโยชน์ทางการค้าจักรับโทษอาญาในส่วนความผิดของตนอีกด้วย ถ้าเคยโดนลงโทษฐานความผิดละเมิดลิขสิทธิ์มาแล้ว ยังกระทำความผิดเดียวกันนี้อีกภายในห้าปี เขาจะถูกลงโทษหนักเป็นสองเท่าของโทษที่พิจารณาคดีในเวลานั้นฐานไม่เข็ดหลาบอีกด้วย การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเรื่องต้องห้ามและควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง เพราะต้องรับโทษอาญา รับความอับอายต่อสาธารณชนในการประจานตัวเอง ต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนสูงซึ่งอาจมากกว่ารายได้ซึ่งเคยรับเงินไว้ก็ได้ นักลอกและสำนักพิมพ์ต้องเสียชื่อเสียงซึ่งมิอาจประเมินค่าเป็นเงิน โดยเฉพาะขาดความเชื่อถือต่ออนาคตของการทำงานหรือสถานะทางสังคมไป ดังนั้น การสร้างสรรค์งานใหม่ด้วยฝีมือของตัวเอง นอกจากเป็นความภูมิใจส่วนตัวแล้ว ยังสร้างรายได้ เกียรติภูมิ ให้ตนเองและครอบครัว มากกว่าการเป็นนักคัดลอกดัดแปลงแอบอ้างอย่างแน่นอน
          เวลาคุ้มครองงาน

          กฎหมายคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ของผู้สร้างสรรค์งานโดยมีบทลงโทษเข้มงวดแล้ว ยังกำหนดระยะเวลาไว้ด้วย โดยให้คุ้มครองตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และมีอยู่ต่อไปอีกห้าสิบปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย ซึ่งทายาทของผู้สร้างสรรค์จักหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์นี้ได้ในช่วงนั้น เมื่อพ้นห้าสิบปีแล้ว งานชิ้นนี้จะตกเป็นสมบัติของแผ่นดินซึ่งรัฐจะเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งดูแลมิให้เกิดการดัดแปลงงานดังกล่าวไปเกินขอบเขตอันควรหรือเป็นการทำลายงานชิ้นนั้น คนไทยสามารถนำไปตีพิมพ์ เผยแพร่งานต่อสาธารณชนได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แก่ทายาทผู้สร้างสรรค์อีกต่อไปอันถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ตัวอย่างเช่น นายนพเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง กฎหมายจะคุ้มครองนายนพในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์นิยายเรื่องดังกล่าวตลอดอายุของเขา ห้ามผู้ใดทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายนพก่อน หลังจากนายนพตายแล้ว ทายาทของเขาเป็นผู้รับมรดกนิยายเรื่องนี้ต่อไปอีกห้าสิบปีในการหาประโยชน์หรือดูแลมิให้เกิดการละเมิดงานชิ้นนี้ หากพ้นห้าสิบปีไปแล้วงานชิ้นนี้จะไปอยู่ในความดูแลของรัฐในฐานะสมบัติของแผ่นดินซึ่งคนไทยสามารถนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ซ้ำได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์หรือจ่ายด้วยอัตราน้อยซึ่งแล้วแต่กติกาของรัฐ ณ เวลานั้น เป็นต้น
          การใช้ที่เป็นธรรม  
          Fair Use

          หลักเกณฑ์การพิจารณาการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม
          พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ได้บัญญัติเรื่องข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ไว้ในมาตรา32 โดยกำหนดให้การใช้งานลิขสิทธิ์ในบางลักษณะสามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เพราะถือว่าเป็นการใช้ที่เป็นธรรม เช่น การใช้งานในการเรียนการสอน การเสนอรายงานข่าว หรือการใช้งานโดยบรรณารักษ์ห้องสมุด เป็นต้น
          แต่การใช้งานลิขสิทธิ์ดังกล่าวตามที่พระราชบัญญัติกำหนดไว้จะต้องอยู่ภายใต้หลักการสำคัญ 2 ประการ ประกอบกันคือ
          1) ต้องไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และ 2) ต้องไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร
          ยกตัวอย่างเช่น ในการรายงานข่าวภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆาตกรรมและการสืบหาตัวคนร้าย ได้มีการเปิดเผยว่าคนร้ายคือใครซึ่งถือว่าเป็นสาระสำคัญของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว การรายงานข่าวเช่นนี้แม้ไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่อาจถือว่าเป็นการกระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร เพราะอาจทำให้คนที่ทราบเรื่องแล้วไม่ต้องการไปชมภาพยนตร์เรื่องนั้นอีกเพราะทราบตอนสำคัญของเรื่องแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงไม่ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ของข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา32 วรรคแรก ดังกล่าว
          อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาว่าการกระทำใดๆ แก่งานอันมีลิขสิทธิ์จะเป็นการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรมหรือเข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมายหรือไม่ อาจพิจารณาได้จากหลักเกณฑ์ 4 ประการ ดังนี้
          (1) วัตถุประสงค์และลักษณะของการใช้งานลิขสิทธิ์
          1.1 การใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นจะต้องไม่มีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้าหรือหากำไร โดยปกติการใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นเพื่อการค้าหรือหากำไร ผู้ใช้จะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์ ตัวอย่างการใช้งานลิขสิทธิ์เพื่อการค้าหรือหากำไร เช่น การนำเพลงของบุคคลอื่นไปทำเทปเพลงเพื่อขายแก่บุคคลทั่วไป เป็นการกระทำเพื่อการค้า หรืออาจารย์ผู้สอนถ่ายสำเนาตำราเรียนบางตอน เพื่อขายนักศึกษาในชั้นเรียนในราคาเกินกว่าต้นทุนค่าถ่ายเอกสาร เป็นการกระทำเพื่อหากำไร เป็นต้น เช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม
          อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาว่าการใช้เป็นการกระทำเพื่อหากำไรหรือไม่ จะพิจารณาจากการใช้เกณฑ์ ไม่ใช่พิจารณาจากตัวผู้ใช้ เช่น สถาบันการศึกษาเอกชนที่นำตำราเรียนบางส่วนที่มีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นมาจำหน่ายในสถาบันฯ เช่นนี้ แม้ว่าสถาบันจะเป็นโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไรในการดำเนินการสถาบัน แต่ไม่ได้จำหน่ายสำเนาตำราเรียนเกินราคาถ่ายหรือจัดทำเอกสาร ก็ถือว่าเป็นการใช้โดยไม่แสวงหากำไร จึงเป็นการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม เป็นต้น
          1.2 การใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นจะต้องไม่มีเจตนาทุจริต เช่น การนำงานลิขสิทธิ์มาใช้โดยไม่อ้างอิงถึงที่มา หรือใช้ในลักษณะที่ทำให้คนเข้าใจว่าเป็นงานของผู้ใช้งานลิขสิทธิ์นั้นเอง เป็นต้น
          1.3 หากการใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคม โดยเป็นการนำงานลิขสิทธิ์มาใช้โดยปรับเปลี่ยน (Transform) ให้ต่างไปจากงานลิขสิทธิ์เดิมหรือมีการเพิ่มเติมสิ่งใหม่เข้าไป ก็อาจเป็นการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม เช่น การคัดลอกอ้างอิง(Quote) งานลิขสิทธิ์คนอื่นเพื่อใช้ในการอธิบายความคิดเห็นของผู้เขียนในการทำงานวิจัย หรือการรายงานข่าวที่ย่อคำกล่าว(Speech) ของนายกรัฐมนตรี หรือย่อบทความโดยการคัดลอกอ้างอิงมาเพียงสั่นๆ เป็นต้น
          อ้างอิงจาก
          http://www.ipthailand.go.th/ipthailand/images/Edittt/copyright/manual/manual-fair-use.doc 30 พ.ค. 54
          สิทธิโดยธรรมห้องสมุด  2537
          บรรณารักษ์สามารถทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้
          1. การทำซ้ำเพื่อใช้ในห้องสมุดหรือให้แก่ห้องสมุดอื่น
                      2. การทำซ้ำงานบางตอนตามสมควรให้แก่บุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการวิจัยหรือการศึกษา
          ซึ่งทั้ง2 ข้อสามารถทำซ้ำได้โดยไม่เกินจำนวนที่จำเป็น  และต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย
          วรรณกรรมหรือสิ่งพิมพ์
          1. 1บทความจากหนังสือ 1เล่ม
          2. บทความ1บทจากวารสาร/นิตยาสาร/หนังสือพิมพ์
          3. เรื่องสั้น  หรือเรียงความขนาดสั้น 1เรื่อง  บทกวีขนาดสั้น 1บท  ไม่ว่าจะนำมาจากงานรวบรวมหรือไม่ก็ตาม
          4. แผนภูมิ กราฟ รูปภาพ แผนผัง ภาพวาด การ์ตูน หรือภาพประกอบหนังสือ  จากหนังสือ  นิตยาสาร/วารสาร จำนวน1 ภาพ
          การทำสำเนาจำนวนมากเพื่อใช้ในห้องเรียน
          ทำได้ไม่เกิน1ชุดต่อนักเรียน1คน  โดยผู้สอน  เพื่อใช้ในการเรียนการสอน
          USA  ห้องสมุด
          ห้องสมุดทำสำเนาไม่เกิน 1 สำเนา ไม่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้า
          1. ไม่มีวัตถุประสงค์โดยตรงหรือโดยอ้อมเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า
          2. การเก็บรักษาของห้องสมุดต้องเปิดให้สาธารณชนเข้าถึงได้ด้วย
          งานที่ไม่ได้ตีพิมพ์สามารถทำสำเนาได้3สำเนา  เพื่อเก็บรักษาหรือใช้ในห้องสมุดอื่น ถ้า
          1. ในปัจจุบันยังมีต้นฉบับอยู่ในห้องสมุด
          2. ไม่เผยแพร่สำเนานั้นเป็นดิจิทัลออกไปเป็นสาธารณะนอกห้องสมุด
          งานที่ตีพิมพ์ทำสำเนาได้  3 สำเนา แทนที่ชุดที่ชำรุดเสียหาย สูญหาย หาก
          1. ห้องสมุดไม่สามารถหามาทดแทนได้ในราคาเป็นธรรม
          2. ไม่เผยแพร่สำเนานั้นเป็นดิจิทัลออกไปเป็นสาธารณะนอกห้องสมุด 
          หน้าที่ของห้องสมุด
          ให้บริการเฉพาะนักศึกษาที่ลงทะเบียนของสถาบัน
          กำหนดช่วงเวลาการให้เข้าใช้เท่าที่มีชั้นเรียน
          ป้องกันการทำสำเนางานที่มีลิขสิทธิ์เพิ่มเติม
          ป้องกันการเผยแพร่งานที่มีลิขสิทธิ์
          ระบุแหล่งที่มาของข้อมูลให้ชัดเจน
          มีคำเตือนห้ามละเมิดลิขสิทธิ์ และ Fair use บนงานที่จัดให้บริการทุกชิ้น
          หากไม่แน่ใจ ให้สอบถามและเขียนขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อนทุกครั้ง
          ปริมาณการใช้งานลิขสิทธิ์
          ดนตรีกรรมและมิวสิควิดีโอ
          ทำซ้ำและหรือเผยแพร่ได้ไม่เกิน 10% หรือ 3 นาที  สำเนางานได้ไม่เกิน 10% แต่ต้องไม่มากกว่า 30วินาทีของแต่ละงาน และจะดัดแปลงทำนองหรือส่วนอันเป็นสาระสำคัญไม่ได้ 
          รูปภาพและภาพถ่าย
          ใช้ได้ไม่เกิน 5 ภาพ ต่อผู้สร้างสรรค์ 1 ราย หากเป็นการใช้ภาพจากงานวารสารหรือสิ่งพิมพ์ สามารถใช้ได้ไม่เกิน 10% หรือ 15 ภาพ ของจำนวนภาพทั้งหมดที่ปรากฏในวารสารหรือ สิ่งพิมพ์นั้น
          ข้อความทำซ้ำหรือเผยแพร่
          ไม่เกิน 10% หรือ 1,000 คำ ของแต่ละเรื่องหรือแต่ละบทความ 
          ข้อมูลจากงานรวบรวมอันมีลิขสิทธิ์
          ไม่เกิน 10% หรือ 2,500 รายการ/ข้อมูล
          กรณีห้องสมุดซื้อ DVD ภาพยนตร์ที่มีลิขสิทธิ์และให้บริการยืมแก่ผู้ใช้จะต้องพิจารณาดูว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์